Advertising Platforms ในปี 2025: เลือกที่ใช่ เพื่อการตลาดที่ประสบความสำเร็จ
- Kattiya Jantas
- 11 มี.ค.
- ยาว 2 นาที
ในยุคที่ผู้คนใช้เวลาบนอินเทอร์เน็ตมากกว่า 6.5 ชั่วโมงต่อวัน การโฆษณาผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์จึงกลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจในปี 2025 เพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่การเลือก Advertising Platforms ที่เหมาะสมอาจเป็นเรื่องท้าทาย เนื่องจากมีตัวเลือกมากมายที่พร้อมให้บริการ การเลือกแพลตฟอร์มที่ถูกต้องจึงต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น กลุ่มเป้าหมาย, ประเภทของผลิตภัณฑ์ และลักษณะเฉพาะของแพลตฟอร์มต่าง ๆ

Advertising Platforms คืออะไร?
Advertising Platforms คือ เครื่องมือหรือแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ช่วยให้ธุรกิจหรือบุคคลสามารถสร้าง, จัดการ, และแสดงผลโฆษณาต่อกลุ่มเป้าหมายได้ โดยการใช้แพลตฟอร์มเหล่านี้ช่วยให้สามารถเข้าถึงผู้ใช้งานในที่ต่าง ๆ บนอินเทอร์เน็ต เช่น เว็บไซต์, โซเชียลมีเดีย, แอปพลิเคชัน หรือแม้กระทั่งบริการค้นหาผ่านเครื่องมือค้นหา (Search Engines)
Advertising Platforms ที่นิยมในปี 2025
1. Google Ads – ยักษ์ใหญ่แห่งการโฆษณาค้นหา
เหมาะสำหรับ: ธุรกิจทุกประเภทที่ต้องการเข้าถึงลูกค้าผ่านการค้นหา
จุดเด่น:
โฆษณาปรากฏบน Google Search, YouTube, และเว็บไซต์พันธมิตร
กำหนดกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ (พิกัด, ความสนใจ, พฤติกรรม)
คิดค่าโฆษณาแบบ PPC (จ่ายเมื่อมีการคลิก)
ข้อดี: สามารถเข้าถึงผู้คนที่กำลังค้นหาสินค้าหรือบริการที่ตรงกับความต้องการ ทำให้มีโอกาสสูงในการแปลงเป็นลูกค้า
ข้อเสีย: ค่าใช้จ่ายต่อคลิกอาจสูง และต้องมีความรู้ในด้านการตั้งค่ากลุ่มเป้าหมายและการใช้คำค้นหาที่เหมาะสม
ตัวอย่าง: ร้านค้าออนไลน์สามารถใช้ Google Ads เพื่อโปรโมตสินค้าผ่าน Google Shopping หรือทำโฆษณารีมาร์เก็ตติ้งให้กับผู้ที่เคยเยี่ยมชมเว็บไซต์
2. Facebook Ads – โฆษณาสร้างการรับรู้และเพิ่มยอดขาย
เหมาะสำหรับ: ธุรกิจที่ต้องการสร้างแบรนด์และกระตุ้นยอดขายผ่านโซเชียลมีเดีย
จุดเด่น:
เข้าถึงผู้ใช้ Facebook และ Instagram กว่า 3 พันล้านคน
กำหนดกลุ่มเป้าหมายได้ละเอียด (อายุ, เพศ, พฤติกรรม, ความสนใจ)
โฆษณาแบบภาพ, วิดีโอ, คอลเลกชัน และสตอรี่
ข้อดี: มีระบบการตั้งเป้าหมายและฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น A/B Testing และการปรับแต่งโฆษณาแบบอัตโนมัติทำให้โฆษณามีประสิทธิภาพมากขึ้น
ข้อเสีย: ผู้ใช้งานบางกลุ่มอาจรู้สึกว่าการโฆษณาบน Facebook รบกวนและไม่ตอบโจทย์ความต้องการในบางกลุ่ม
ตัวอย่าง: แบรนด์แฟชั่นสามารถใช้ Facebook Ads ในการโปรโมตรองเท้าคอลเลกชันใหม่ผ่านโฆษณาวิดีโอที่ดึงดูดสายตา
3. TikTok Ads – เข้าถึงคนรุ่นใหม่ด้วยคอนเทนต์วิดีโอ
เหมาะสำหรับ: แบรนด์ที่ต้องการเข้าถึงวัยรุ่นและกลุ่มมิลเลนเนียล
จุดเด่น:
มีผู้ใช้กว่า 1 พันล้านคนทั่วโลก
ระบบ AI แนะนำโฆษณาตามพฤติกรรมการรับชม
โฆษณาแบบ In-Feed, Top View, และ Branded Hashtag Challenges
ข้อดี: เหมาะสำหรับแบรนด์ที่เน้นการสร้างความบันเทิงหรือเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมป๊อป มีฟีเจอร์สำหรับการโฆษณาที่หลากหลาย
ข้อเสีย: ไม่เหมาะกับแบรนด์ที่เน้นกลุ่มผู้ใช้งานในวัยที่สูงขึ้นหรือลูกค้าธุรกิจ
ตัวอย่าง: ร้านเสื้อผ้าสามารถใช้ TikTok Ads เพื่อสร้างวิดีโอสั้น ๆ ที่แสดงการแต่งตัวสไตล์ต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นให้เกิดกระแสไวรัล
4. Instagram Ads – เน้นภาพสวยและอินฟลูเอนเซอร์
เหมาะสำหรับ: แบรนด์ที่ต้องการสร้างความดึงดูดด้วยภาพและวิดีโอ
จุดเด่น:
โฆษณาบน Feed, Stories, IGTV และ Reels
เชื่อมต่อกับ Facebook Ads Manager เพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมาย
มีฟีเจอร์ Shopping Ads สำหรับร้านค้าออนไลน์
ข้อดี: เหมาะสำหรับแบรนด์ที่เน้นการสร้างภาพลักษณ์หรือสินค้าที่เน้นความสวยงาม มีฟีเจอร์หลากหลาย เช่น Stories, Reels, และ Shopping Ads
ข้อเสีย: กลุ่มผู้ใช้งานส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นถึงวัยทำงาน ดังนั้นอาจไม่เหมาะสำหรับธุรกิจที่เน้นกลุ่มลูกค้าอายุสูง
ตัวอย่าง: ร้านเครื่องสำอางสามารถใช้ Instagram Ads เพื่อโปรโมตลิปสติกใหม่ผ่าน IG Stories ที่มีฟีเจอร์ Swipe Up เพื่อพาผู้ชมไปซื้อสินค้าได้ทันที
5. LinkedIn Ads – เหมาะสำหรับธุรกิจ B2B และมืออาชีพ
เหมาะสำหรับ: ธุรกิจที่ต้องการเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญและองค์กร
จุดเด่น:
เข้าถึงผู้ใช้ระดับมืออาชีพกว่า 800 ล้านคน
สามารถกำหนดเป้าหมายตามตำแหน่งงาน, อุตสาหกรรม, และขนาดบริษัท
โฆษณาแบบ Sponsored Content, Message Ads และ Text Ads
ข้อดี: เหมาะกับการโฆษณาแบบ B2B หรือการหางาน โฆษณาจะมุ่งเน้นไปที่กลุ่มผู้เชี่ยวชาญและธุรกิจ
ข้อเสีย: ใช้งบประมาณสูง และผลลัพธ์อาจจะไม่ดีสำหรับธุรกิจ B2C หรือสินค้า/บริการทั่วไป
ตัวอย่าง: บริษัทซอฟต์แวร์สามารถใช้ LinkedIn Ads เพื่อโปรโมตบริการให้กับผู้บริหารระดับสูงขององค์กร
6. X (Twitter) – สร้างการรับรู้ผ่านกระแสและเทรนด์
เหมาะสำหรับ: แบรนด์ที่ต้องการโปรโมตแคมเปญผ่านกระแสโซเชียล
จุดเด่น:
โฆษณาปรากฏใน Timeline และ Trends
สร้างแคมเปญแบบ Engagement, Awareness และ Website Clicks
เหมาะสำหรับแคมเปญไวรัลและข่าวสาร
ข้อดี: ฟีเจอร์โฆษณาหลายรูปแบบ เช่น ภาพ, วิดีโอ, และข้อความ การโฆษณาที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ติดตามเหตุการณ์สำคัญและเทรนด์ต่างๆ (เช่น Trend Takeover)
ข้อเสีย: จำนวนผู้ใช้งานอาจลดลงในอนาคต ซึ่งอาจทำให้ต้องคำนึงถึงการลงโฆษณาอย่างรอบคอบ
ตัวอย่าง: บริษัทเกมสามารถใช้ Twitter Ads เพื่อโปรโมตเกมใหม่โดยใช้แฮชแท็กที่กำลังมาแรง
เคล็ดลับในการเลือก Advertising Platforms
เลือกแพลตฟอร์มให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย: เช่น ถ้าธุรกิจของคุณทำงานกับบริษัทอื่น (B2B) ใช้ LinkedIn แต่ถ้าคุณขายให้กับผู้บริโภคทั่วไป (B2C) ใช้ Facebook หรือ Instagram.
สร้างคอนเทนต์ที่เหมาะสมกับแต่ละแพลตฟอร์ม: เช่น TikTok เหมาะกับวิดีโอสั้น, Google เหมาะกับโฆษณาข้อความ.
ทดลองหลายแพลตฟอร์มและวัดผล: ลองใช้แพลตฟอร์มหลายๆ ตัวแล้วดูผลลัพธ์ เพื่อหากลยุทธ์ที่ดีที่สุด
เลือกตามเป้าหมายของแคมเปญ: ถ้าคุณต้องการเพิ่มยอดขาย, สร้างการรับรู้แบรนด์ หรือเพิ่มการมีส่วนร่วม, เลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมกับเป้าหมายของคุณ.
พิจารณางบประมาณ: บางแพลตฟอร์มอย่าง Google Ads หรือ Facebook Ads อาจมีต้นทุนสูง แต่แพลตฟอร์มอย่าง TikTok หรือ Bing Ads อาจมีต้นทุนต่ำกว่า.
ทดลองและวัดผลด้วย A/B Testing: ใช้ A/B Testing เพื่อดูว่าโฆษณาแบบไหนได้ผลดีที่สุด.
การเลือกแพลตฟอร์มโฆษณาที่เหมาะสมเป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มยอดขายและสร้างแบรนด์ ลองวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายของคุณและเลือกแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์มากที่สุด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าที่สุด!
แหล่งที่มา: SmartyAds, Instapage, NinjaPromo
Comments